The History of Stainless Steel Part 2 [ The End ]
ขอบคุณผลงานนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยมนุษยชาติ
ค้นพบสินแร่ Chromium (โครเมียม)
ในช่วงปี ค.ศ. 1820 มนุษยชาติได้ค้นพบกับสินแร่ชนิดใหม่ที่จะเปลี่ยนหน้าในทุกวงการอุตสาหกรรมไปตลอดกาล โดยนักวิทยาศาสตร์สัญชาติฝรั่งเศส " Pierre Berthier "
Pierre Berthier ผู้ค้นพบ Chromium alloy
ในช่วงเวลาถัดมาได้มีความพยายามศึกษาความสัมพันธ์ของแร่โครเมียมกับโลหะเหล็กผสมที่มีอยู่เดิม(Iron-Based Alloy) ว่าการเติมโครเมียมเข้าไปจะสามารถเพิ่มคุณสมบัติให้กับโลหะผสมให้ดีขึ้นได้อย่างไร
Chromium = acidity resistance
การค้นพบที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ นั่นคือ การที่โลหะเหล็กผสม สามารถทนทานต่อสภาวะที่เป็นกรด(ไม่ขึ้นสนิม) ได้เป็นครั้งแรก
" จากการทดลองที่ทรงคุณค่า สร้างแรงบันดาลใจ สู่โลหะผสมที่ดีที่สุดแห่งยุค "
ในเวลาถัดมานักวิทยาศาตร์หลายท่านใช้องค์ความรู้จากการทดลองนี้จนสามารถพัฒนาโลหะผสมตัวใหม่ที่ได้ชื่อว่า สแตนเลสสตีล (Stainless Steel) เป็นครั้งแรก
Harry Brearley บิดาแห่ง Stainless Steel
โดยวัสดุที่ถูกทำขึ้นด้วยโลหะเหล็กผสมชนิดใหม่และสร้างความตะลึงให้กับทั้งโลกนั่นคือ กระบอกปืน (gun barrel) ซึ่งมีคุณสมบัติที่ล้ำยุคที่สุดในสมัยนั้นคือ กระบอกปืนชนิดนี้ไม่เป็นสนิม
ช่วงเวลาหลังจากนี้จึงมีการพัฒนาโลหะเหล็กผสมชนิดใหม่นี้ขึ้นอย่างหลากหลายรูปแบบซึ่งก่อให้เกิดสแตนเลสสตีลหลายจำพวกหลักดังนี้
Austenitic Stainless Steel เป็นโลหะเหล็กผสมที่มีการเติม Chromium(โครเมียม) และ Nickel(นิกเกิล) เช่น สแตนเลสสตีล 304 , 316 เป็นต้น
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนที่สูงมาก สามารถขึ้นรูปได้ง่าย เชื่อมผสานได้ง่าย
Ferritic Stainless Steel เป็นโลหะเหล็กผสมที่มีการเติมเฉพาะ Chromium(โครเมียม)แต่ไม่มีนิกเกิล เช่น สแตนเลสสตีล 430
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนต่อกรด ยังคงความสามารถในการเหนี่ยวนำแม่เหล็ก
Martensitic Stainless Steel เป็นโลหะเหล็กผสมที่มีการเติม Chromium(โครเมียม) และ Carbon (คาร์บอน) ในปริมาณสูง เช่น สแตนเลสสตีล 410 , 420 เป็นต้น
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติที่แข็ง(Hardness) และคงทนยากที่จะเสียสภาพ(Strength) ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ผลิตจำพวก มีดและอุปกรณ์เครื่องมือ
Comments